ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

it final

1.Operating System Transactions
ระบบปฏิบัติการจัดการทรัพยากรรวมถึงไฟล์แมปหน่วยความจำท่อและกระบวนการเด็กสำหรับแอพพลิเคชัน แต่ยังไม่มีกลไกสำหรับแอพพลิเคชันที่จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการปรับปรุงที่สอดคล้องกันอย่างมีเหตุผล ตัวอย่างเช่นไฟล์ที่อ้างถึงโดยชื่อพา ธ อาจมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างการเรียกระบบ stat และ open ทำให้กระบวนการที่เป็นอันตรายสามารถหลอกลวงให้ไฟล์ที่ไม่ถูกต้องเปิดได้ (สภาพการแข่งขันนี้เรียกว่า Time-Of- การตรวจสอบเวลาในการใช้งานหรือการแข่งขัน TOCCTOU) เนื่องจากชิปหลายแกนและความพร้อมกันระดับระบบปฏิบัติการกลายเป็นที่แพร่หลายสภาพการแข่งขันใน API การโทรระบบจะกลายเป็นปัญหามากขึ้น
โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยการเพิ่มธุรกรรมลงใน API การโทรระบบ การทำธุรกรรมระบบดำเนินการชุดของการเรียกระบบในการแยกจากส่วนที่เหลือของระบบและ atomically เผยแพร่ผลกระทบต่อส่วนที่เหลือของระบบ

-ระบบประมวลผลรายการ (TPS)
ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing Systems :TPS)
ระบบประมวลผลรายการ หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการเปลี่ยนข้อมูลดิบจากการปฏิบัติงานให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องจักรสามารถอ่านได้, เก็บรายละเอียดรายการ, ประมวลผลรายการและสั่งพิมพ์รายละเอียดรายการ ออกมาได้ รายการ (Transaction) คือ การกระทำพื้นฐานที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการทางธุรกิจ เช่น การขายสินค้า การจองตั๋วเครื่องบิน การซื้อสินค้าผ่านเครดิตการ์ดและการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง จัดเป็นรายการทั้งสิ้น ระบบประมวลผลรายการนิยมใช้ในการประมวลผลบัญชี, การขาย, หรือประมวลผลข้อมูลสินค้าคงคลัง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นที่ต้องการของระบบสารสนเทศอื่นๆในองค์กร
ในการดำเนินการของระบบประมวลผลรายการ ข้อมูลถูกนำเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ของระบบสารสนเทศ โดยใช้แป้นพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ข้อมูลจะถูกเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์จนกระทั่งพร้อมที่จะถูกประมวลผล หลังจากที่ข้อมูลถูกป้อนเข้าไปแล้ว จะเกิดการประมวลผลเพื่อเปลี่ยนข้อมูลเป็นสารสนเทศที่มีประโยชน์ในการจัดการ โดยระบบประมวลผลรายการจะทำการบันทึกรายการลงในฐานข้อมูลและผลิตเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการนั้นออกมา อาจอยู่ในรูปแบบของรายงาน, ตาราง, กราฟ,ภาพเคลื่อนไหว และเสียงฯลฯ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศนั้นๆ
  ระบบประมวลผลรายการสามารถแบ่งตามวิธีการประมวลผลข้อมูล ได้แก่
1 ระบบการประมวลผลแบบกลุ่ม (Batch Processing System) ข้อมูลจากหลายๆรายการ จากผู้ใช้หลายๆ คน หรือจากช่วงเวลาหลายๆ ช่วง ถูกรวมเข้าด้วยกัน, นำเข้า และประมวลผลเหมือนเป็นกลุ่มเดียว ตัวอย่างเช่น ยอดขายรายวันซึ่งถูกประมวลผลเพียงวันละหนึ่งครั้ง จะใช้ระบบการประมวลผลแบบกลุ่มนี้เมื่อข้อมูลไม่จำเป็นต้องปรับปรุงทันที และเมื่อมีข้อมูลจำนวนมากที่คล้ายกัน ต้องถูกประมวลผลในครั้งเดียวกัน
2 ระบบการประมวลผลแบบออนไลน์ (Online Processing System) รายการถูกประมวลผลเมื่อเกิดรายการนั้นขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
2.1 การประมวลผลเชิงรายการ (Transactional Processing) ข้อมูลถูกประมวลผลเมื่อป้อนข้อมูลเข้าโดยไม่ต้องเก็บไว้ประมวลผลในภายหลัง เช่น ระบบเช็ครายการสินค้าออกของร้านขายของชำ โดยระบบจะทำการออกใบเสร็จรับเงินที่แสดงรายการสินค้าทันทีหลังจากรายการสินค้าต่างๆ ที่ซื้อ ถูกประมวลผล
2.2 การประมวลผลแบบทันที (Real-time Processing) ใช้ในระบบควบคุม หรือระบบที่ต้องการให้เกิดผลสะท้อนกลับ เช่นขบวนการควบคุมอุณหภูมิของห้างสรรพสิน การทำงานของการประมวลผลแบบทันที สามารถไปมีผลกระทบกับตัวรายการนั้นๆ เอง ถ้าผู้ใช้หลายรายแข่งขันกันเพื่อใช้ทรัพยากรเดียวกัน เช่นที่นั่งบนเครื่องบิน หรือในชั้นเรียนพิเศษ
    วัตถุประสงค์ของ TPS
1)
มุ่งจัดหาสารสนเทศทั้งหมดที่หน่วยงานต้องการตามนโยบายของหน่วยงานหรือตามกฎหมาย เพื่อช่วยในการปฏิบัติงาน
2)
เพื่อเอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงานประจำให้มีความรวดเร็ว
3)
เพื่อเป็นหลักประกันว่าข้อมูลและสารสนเทศของหน่วยงานมีความถูกต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและรักษาความลับได้
4)
เพื่อเป็นสารสนเทศที่ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการตัดสินใจอื่น เช่น MRS หรือ DSS
หน้าที่ของ TPS มีดังนี้
1)
การจัดกลุ่มของข้อมูล (Classification) คือ การจัดกลุ่มข้อมูลลักษณะเหมือนกันไว้ด้วยกัน
2)
การคิดคำนวณ (Calculation) การคิดคำนวณโดยใช้วิธีการคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ เช่น การคำนวณภาษีขายทั้งหมดที่ต้องจ่ายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
3)
การเรียงลำดับข้อมูล (Sorting) การจัดเรียงข้อมูลเพื่อทำให้การประมวลผลง่ายขึ้น เช่น การจัดเรียง invoices ตามรหัสไปรษณีย์เพื่อให้การจัดส่งเร็วยิ่งขึ้น
4)
การสรุปข้อมูล (Summarizing) เป็นการลดขนาดของข้อมูลให้เล็กหรือกระทัดรัดขึ้น เช่น การคำนวณเกรดเฉลี่ยของนักศึกษาแต่ละคน
5)
การเก็บ (Storage) การบันทึกเหตุการณ์ที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน อาจจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลไว้ โดยเฉพาะข้อมูลบางประเภทที่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ตามกฎหมาย ที่จริงแล้ว TPS เกี่ยวข้องกับงานทุกระดับในองค์การ แต่งานส่วนใหญ่ของ TPS จะเกิดขึ้นในระดับปฏิบัติการมากกว่า แม้ว่า TPS จะจำเป็นในการปฏิบัติงานในองค์การแต่ระบบ TPS ก็ไม่เพียงพอในการสนับสนุนในการตัดสินใจของผู้บริหาร ดังนั้นองค์การจึงจำเป็นต้องมีระบบอื่นสำหรับช่วยผู้บริหารด้วย ดังจะกล่าวต่อไป
ลักษณะสำคัญของระบบสารสนเทศแบบ TPS  มีดังนี้
มีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก
แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่มาจากภายในและผลที่ได้เพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้ภายในองค์การเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันหุ้นส่วนทางการค้าอาจจะมีส่วนในการป้อนข้อมูลและอนุญาตให้หน่วยงานที่เป็นหุ้นส่วนใช้ผลที่ได้จาก TPS โดยตรง
กระบวนการประมวลผลข้อมูลมีการดำเนินการเป็นประจำ เช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกสองสัปดาห์
มีความสามารถในการเก็บฐานข้อมูลจำนวนมาก
มีการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็ว เนื่องจากมีปริมาณข้อมูลจำนวนมาก
• TPS
จะคอยติดตามและรวบรวมข้อมูลภายหลังที่ผลิตข้อมูลออกมาแล้ว
ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปและที่ผลิตออกมามีลักษณะมีโครงสร้างที่ชัดเจน (structured data)
ความซับซ้อนในการคิดคำนวณมีน้อย
มีความแม่นยำค่อนข้างสูง การรักษาความปลอดภัย ตลอดจนการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับ TPS
ต้องมีการประมวลผลที่มีความน่าเชื่อถือสูง
     กระบวนการของ TPS
กระบวนการประมวลข้อมูลของ TPS มี 3 วิธี คือ (Stair & Reynolds, 1999)
1) Batch processing
การประมวลผลเป็นชุดโดยการรวบรวมข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นและรวมไว้เป็นกลุ่มหรือเป็นชุด (batch) เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หรือจัดลำดับให้เรียบร้อยก่อนที่จะส่งไปประมวลผล โดยการประมวลผลนี้จะกระทำเป็นระยะๆ (อาจจะทำทุกคืน ทุก 2-3 วัน หรือทุกสัปดาห์)
2) Online processing
คือ ข้อมูลจะได้รับการประมวลผลและทำให้เป็นเอาท์พุททันทีที่มีการป้อนข้อมูลของธุรกรรมเกิดขึ้น เช่น การเบิกเงินจากตู้ ATM จะประมวลผลและดำเนินการทันที เมื่อมีลูกค้าใส่รหัสและป้อนข้อมูลและคำสั่งเข้าไปในเครื่อง
3) Hybrid systems
เป็นวิธีการผสมผสานแบบที่ 1) และ2) โดยอาจมีการรวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นทันทีแต่การประมวลผลจะทำในช่วงกระยะเวลาที่กำหนด เช่น แคชเชียร์ที่ป้อนข้อมูล การซื้อขายจากลูกค้าเข้าคอมพิวเตอร์ ณ จุดขายของ แต่การประมวลผลข้อมูลจากแคชเชียร์ทุกคนอาจจะทำหลังจากนั้น (เช่น หลังเลิกงาน)

Enterprise System คือระบบศูนย์กลางของทั้งองค์กร(server ตัวเดียว) ที่สนับสนุนการทำงานทั่วๆไป ข้อมูลจะถูกรวมเก็บไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถมั่นใจว่าจะแชร์ข้อมูล เพื่อใช้ร่วมกันได้ทุกแผนก และทุกๆระดับการจัดการ ทำให้กำจัดปัญหาเรื่องการขาดข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และการไม่สอดคล้องกันของข้อมูล
ระบบ Enterprise (ES) เป็นแอพพลิเคชันซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ที่สนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจการไหลของข้อมูลการรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูลในองค์กรที่ซับซ้อน ในขณะที่ ES มักจะเป็นระบบซอฟต์แวร์แบบองค์กร (PEAS) แบบแพ็กเกจนอกจากนี้ยังมีระบบ PEAS ที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อรองรับความต้องการขององค์กรที่เฉพาะเจาะจง
ประเภทของระบบองค์กรประกอบด้วย:
ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP)
ระบบการวางแผนองค์กรและ
ซอฟต์แวร์การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
แม้ว่าคลังข้อมูลหรือระบบอัจฉริยะทางธุรกิจเป็นซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันที่มีการบรรจุโดยรวมของทั้งองค์กรซึ่งมักขายโดยผู้ขาย ES เนื่องจากไม่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจโดยตรง แต่มักถูกแยกออกจากคำนี้
ระบบ Enterprise ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์เช่น SAP NetWeaver และ Oracle Fusion และฐานข้อมูล
จากมุมมองของฮาร์ดแวร์ระบบขององค์กรคือเซิร์ฟเวอร์การจัดเก็บและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่ใช้เป็นพื้นฐานสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตน ระบบเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับข้อมูลสำคัญ ๆ จำนวนมาก ระบบเหล่านี้ได้รับการออกแบบโดยทั่วไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพการทำธุรกรรมและความปลอดภัยของข้อมูลสูง








-Enterprise resource planning
การวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP) คือการจัดการกระบวนการทางธุรกิจหลักที่รวมอยู่ในซอฟต์แวร์เรียลไทม์และโดยอาศัยซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี กิจกรรมทางธุรกิจเหล่านี้อาจรวมถึง:
การวางแผนผลิตภัณฑ์การซื้อ,การวางแผนการผลิต,การผลิตหรือการส่งมอบบริการ,การตลาดและการขาย,การจัดการวัสดุ
การจัดการสินค้าคงคลัง,การจัดส่งและการชำระเงิน,การเงิน
ERP มักเรียกกันว่าเป็นหมวดหมู่ของซอฟต์แวร์การจัดการธุรกิจซึ่งโดยปกติจะเป็นแอ็พพลิเคชันแบบรวมที่องค์กรสามารถใช้ในการรวบรวมจัดเก็บจัดการและตีความข้อมูลจากกิจกรรมทางธุรกิจจำนวนมากเหล่านี้
ERP ให้มุมมองที่ผสานรวมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของกระบวนการทางธุรกิจหลักโดยใช้ฐานข้อมูลร่วมกันที่จัดทำโดยระบบการจัดการฐานข้อมูล ระบบ ERP ติดตามทรัพยากรทางธุรกิจ - เงินสดวัตถุดิบการผลิต - สถานะของภาระผูกพันทางธุรกิจ: ใบสั่งซื้อใบสั่งซื้อและการจ่ายเงินเดือน แอ็พพลิเคชันที่ทำขึ้นข้อมูลร่วมกันของระบบในแผนกต่าง ๆ (การผลิตการจัดซื้อการขายบัญชี ฯลฯ ) ที่ให้ข้อมูล  ERP ช่วยให้การไหลเวียนของข้อมูลระหว่างหน้าที่ทางธุรกิจทั้งหมดและจัดการการเชื่อมต่อกับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
-SAP
SAP คือ โปรแกรมที่ช่วยจัดการสายงานทุกสายงานของธุรกิจให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ อย่างรวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้ โดยทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับทรัพยากรขององค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่ง SAP จัดเป็น ERP ประเภทหนึ่งนั้นเอง การทำงานในปัจจุบันจะเป็น R/3 (ทำงานแบบ Client/Server) โดยในส่วน Application ทั้งหมดของระบบ SAPนั้น ถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา ABAP หรือ Advance Business Application Programming (ABAP/4 ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมในยุคที่ 4 หรือ 4GL เป็นคำที่เรียกใน SAP Release 3.0 ส่วนใน SAP Release 4.0 เป็นต้นไป จะเรียกว่า ABAP เนื่องจากมีการพัฒนาภาษาโปรแกรม ABAP เป็นแบบObject-Oriented มากขึ้น) ในส่วนของ Run Time หรือ Kernel ของระบบ SAP นั้นถูกพัฒนามาจากภาษา C/C++ ในส่วนของการ Implement ระบบ SAP นั้น จะมีการทำ Customization หรือ Configuration (จริงๆแล้วก็คือการกำหนดค่า Parameter ต่างๆ) ผ่านทาง Implementation Guide (IMG) เพื่อให้ระบบงาน SAP ทำงานได้กับองค์กรนั้นๆซึ่งก็คือ SAP เป็น ERP Software Package ที่มีการทำงานในส่วนของ Customization ในระบบ SAP ให้เข้ากับหน่วยงานนั้นๆได้
3.BUSINESS INTELLIGENCE
Business Intelligence (BI) เป็นกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีซึ่งใช้ในการวิเคราะห์และแสดงข้อมูลในรูปแบบที่มีความหมายและสามารถดำเนินการได้ ระบบธุรกิจอัจฉริยะครอบคลุมแอพพลิเคชันเครื่องมือทฤษฎีและเทคโนโลยีมากมาย เป้าหมายของแดชบอร์ด BI คือการช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ บริษัท สามารถรวบรวมวิเคราะห์สร้างแดชบอร์ดและสร้างรายงานเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญที่สุดและเป็นข้อมูลทางธุรกิจของตนได้
-Dashboard
Dashboardธุรกิจเป็นเครื่องมือการจัดการข้อมูลที่ใช้เพื่อติดตาม KPIs เมตริกและจุดข้อมูลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแผนกหรือกระบวนการเฉพาะ ด้วยการใช้การสร้างภาพข้อมูลแดชบอร์ดทำให้ชุดข้อมูลที่ซับซ้อนง่ายขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงประสิทธิภาพในปัจจุบันได้อย่างรวดเร๊วและให้การมองเห็นในเวลาจริงแก่ทีมของคุณ การรวมข้อมูลทางธุรกิจกับแดชบอร์ดช่วยให้ทีมของคุณสามารถมองเห็นประสิทธิภาพของการทำงานได้อย่างราบรื่น แดชบอร์ด BI ต้องได้รับการออกแบบอย่างระมัดระวัง หากข้อมูลที่ป้อนลงในการสร้างภาพข้อมูลไม่น่าเชื่อถือไม่ว่าหน้าแดชบอร์ดจะอ่านและวิเคราะห์ได้ง่ายแค่ไหนแดชบอร์ดจะไม่มีประโยชน์ เชื่อมต่อแหล่งข้อมูลไปยังแผงควบคุมของคุณผ่านการผสานรวมหรือโดยการอัปโหลดไฟล์ CSV หรือ Excel เรียนรู้เพิ่มเติม: แดชบอร์ดของ Excel
- BOARD
มีเพียงชุดเดียวชุดเครื่องมือของ BOARD ประกอบด้วยฟังก์ชัน BI และ CPM ต่างๆภายในสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์กราฟิกแบบเดียวความสามารถ BI ของ BI ได้แก่ การวิเคราะห์แบบหลายมิติแบบสอบถามเฉพาะกิจการแดชบอร์ดและการรายงานขณะที่ความสามารถ CPM รวมถึงการจัดทำงบประมาณการวางแผนและการคาดการณ์รวมถึงกิจกรรมทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง "[6] เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ Business Intelligence โดยทั่วไป BOARD จะถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตัดสินใจในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายลงโดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างแอพพลิเคชัน BI และ CPM
-Data visualization
คื่อ การแสดงภาพเกินกว่าแผนภูมิมาตรฐานและกราฟที่ใช้ในสเปรดชีตของ Excel แสดงข้อมูลด้วยวิธีที่ซับซ้อนเช่น infographics หน้าปัดและมาตรวัดแผนที่ทางภูมิประเทศเส้นประกายแผนที่ความร้อนและแผนภูมิแท่งแผนภูมิวงกลมและไข้รายละเอียด ภาพอาจมีความสามารถในการโต้ตอบช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการหรือเจาะข้อมูลเพื่อสอบถามและวิเคราะห์ได้ ตัวบ่งชี้ที่ออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อข้อมูลได้รับการปรับปรุงหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสามารถเกิดขึ้นได้

ผู้ขายซอฟต์แวร์ระบบธุรกิจอัจฉริยะส่วนใหญ่จะฝังเครื่องมือสร้างภาพข้อมูลไว้ในผลิตภัณฑ์ของตนโดยจะพัฒนาเทคโนโลยีการแสดงภาพด้วยตนเองหรือจัดหาจาก บริษัท ที่เชี่ยวชาญในการสร้างภาพ

ขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์


Phases of SDLC
คือ วัฏจักรชีวิตการพัฒนาระบบ

ขั้นตอนวงจรชีวิตของการพัฒนาซอฟแวร์

1.
การวางแผน(Planning) เป็นขั้นตอนการการวางแผนงานโดย กำหนดรูปแบบของซอฟแวร์
 ประมาณการต้นทุนในการพัฒนาระบบ กำหนดแนวทางของการพัฒนาระบบ กำหนดระยะเวลา เป็นต้น

2.
การวิเคราะห์ความต้องการ(Analysis) เป็นขั้นตอนของการค้นหาความต้องการของระบบ และวิเคราะห์ความต้องการนั้น
 เพื่อให้เข้าใจภาพรวมและหน้าที่การทำงานของระบบ

3.
การออกแบบ(Design) เป็นขั้นตอนการออกแบบส่วนประกอบต่างๆของซอฟแวร์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการที่ได้วิเคราะห์มาแล้ว

4.
การเขียนโปรแกรม(Development) เป็นขั้นตอนการสร้างระบบโดยการเขียนโปรแกรม ตามแนวทางการออกแบบจากขั้นตอนที่ผ่านมา

5.
การทดสอบ(Testing) เป็นขั้นตอนการนำระบบที่ทำมาทดสอบการใช้งาน ว่าทำงานถูกต้องตามความต้องการที่ได้หรือไม่
ซึ่งการทดสอบนี้จะรวมถึงการทดสอบการเชื่อมโยงกับระบบซอฟแวร์อื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย

6.
การประเมิน เป็นขั้นตอนการประเมินว่าระบบที่ผ่านการทดสอบแล้ว เหมาะสมที่จะนำไปใช้งานได้หรือไม่

7.
การโอนย้ายข้อมูล(Data Conversion) เป็นขั้นตอนการนำข้อมูลเก่าเข้าระบบใหม่ก่อนการนำระบบไปใช้จริง

8.
การนำไปใช้งานงานจริง(Production) เป็นขั้นตอนที่นำระบบที่พัฒนาสำเร็จและผ่านการทดสอบแล้วไปใช้งาน
โดยทำการติดตั้ง และสอนวิธีการใช้งานแก่ผู้ใช้

9.
การให้ความช่วยเหลือ(Support) เป็นขั้นตอนของการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ใช้ เมื่อพบปัญหา
โดยหากปัญหาที่เกิดไม่สามารถแก้ไขได้ จะต้องทำการพัฒนาระบบเพิ่มเติม ก็จะเริ่มวนไปที่ขั้นตอนแรกใหม่


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spiral model

Spiral model Spiral model คือ Software Development Process หนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเอาจุดแข็งของ Development Model อื่นที่ดีอยู่แล้วมาประยุกต์ ( Waterfall Mode) ใช้ตีค่าความเสี่ยงที่เกิดเพื่อจะได้ทราบว่าจุดใดมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน จะได้หาวิธีลดความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้การพัฒนาไม่ประสบความสำเร็จ Spiral Model เป็นโมเดลที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Waterfall Model ที่มีการทำงานเป็นขั้นตอนหากในขั้นตอนแรกวิเคราะห์ความต้องการไม่ดี ไม่ชัดเจน ความเสี่ยงที่ระบบจะถูกพัฒนาไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าสูง กระบวนการนี้จึงนำเอาข้อดีของ Prototype มาผสมผสานให้เกิดคามชัดเจนและมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงในทุกชั้น ทำให้โอกาสที่ระบบจะล้มเหลวมีน้อยลง ตัวอย่างของ Waterfall Model หรือ The Linear Model ภายหลังถูกปรับเปลี่ยนเป็นรูปเเบบจําลองบันไดเวียน( Spiral model) เพราะเเบบเก่านั่นติดข้อจํากัดคือ ถ้าพบว่าขั้นตอนไหนผิดพลาดเเล้วตอนเสร็จกระบวนการทั้งหมด จะเเก้ไขไม่ได้เลย ต้องจําเป็นที่จะต้องเริ่มรอบใหม่( Iteration) อีกครั้งนั่นเอง               Spiral mod...

Tacit Knowledge and Explicit Knowledge

  Tacit knowledge   ( ความรู้ที่ไม่ปรากฏชัดเจน )  คือความรู้ที่ไม่สามารถเขียนหรืออธิบายได้ การถ่ายโอนความรู้ประเภทนี้ทำได้ยาก จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้จากการกระทำ ฝึกฝน (อยู่ในสมอง เชื่อมโยงกับประสบการณ์ ความเชื่อ ค่านิยม ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด)     Explicit knowledge  ( ความรู้ที่ปรากฏชัดเจน )  คือความรู้ที่สามารถเขียนหรืออธิบายออกมาเป็นตัวอักษร ฟังก์ชั่นหรือสมการได้ (อยู่ในตำรา เอกสาร วารสาร คู่มือ คำอธิบาย คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูล)

ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กรทั่วไป

โปรแกรมประยุกต์ที่นิยมใช้ในงานธุรกิจ โปรแกรมประยุกต์ที่นิยมใช้ในงานธุรกิจ ซอฟต์แวร์ประยุกต์(application software)        เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ฯลฯ          4.1 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ทั่วไป       ซอฟแวร์ประยุกต์ทั่วไป (general purpose software) เป็นซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับงานให้เหมาะสมกับลักษณะงานของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนอ เป็นต้น               1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ(word processing software) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสาร...